เรื่องเล่าก่อนเข้านอนวันนี้ ขอเสนอเรื่อง get out ออกไปซะ อีกหนึ่งวัฒนธรรมของอังกฤษที่ทำให้เด็กฝรั่ง ฉลาด และเข้มแข็ง เมื่อถึงตอนที่ลูกมีอายุครบ 18 ปี ชาวอังกฤษจะสอนให้ลูก ๆ get out ออกจากบ้านไปซะ ไปใช้ชีวิตไปทำมาหากินไปหาหนทางส่งเสียตัวเองเรียน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของชาวอังกฤษที่ ปลูกฝังให้เด็กบ้านเขาเติบโตด้วยตัวเอง หากรบกวนเงินพ่อแม่ ต้องถือเป็นการขอยืมเงินใช้ซึ่งต้องส่งคืนทั้งต้นทั้งดอก แต่ประเทศอังกฤษจะมีเงินเลี้ยงดูให้ใช้อาทิตย์ละ 40 ปอนด์ ประทังชีวิต แต่ราคาอาหารก็ตกอยู่ที่มื้อละ 3-5 ปอนด์ ใช้อย่างประหยัดก็ตกวันละ 10 ปอนด์ ช่วยประทังชีวิตได้เพียง 4 วัน อย่างน้อยก็ต้องหาตังค์มาใช้ชีวิตตัวเองให้ได้อีก 3 วันที่เหลือ ดังนั้นคนอังกฤษต้องถีบตัวเองสูง ต้องสร้างชีวิตให้ได้ เขาจะฝึกให้เด็กของเขาหาทำงานเอง และสร้างธุรกิจด้วยตัวเอง หรือหาแนวทางชีวิตของตัวเอง ผมได้อ่านมาจากหนังสือเล่มหนึ่งเลยรู้สึกทึ่งและอดเปรียบเทียบกับเด็กบ้านเราไม่ได้
get out ออกไปซะ ถ้าที่บ้านคุณมีใครมาพูดกับคุณแบบนี้ ตอนอายุสิบแปดคุณจะคิดกันยังไง ถ้าเป็นเด็กไทยคนต้องร้องเพลง 18 ฝน ของพี่เสือ ธนพล เราคงคิดว่าพวกเราเป็นเด็กมีปัญหา มีปมด้อยพ่อแม่ไม่สนใจเรา แล้วเราก็จะเอาตัวเอาชีวิตมาอยู่กับเพื่อนฝูง ถ้าเป็นสมัยนี้คงจับกลุ่มซิ่งมอเตอร์ไซด์ เพราะเด็กบ้านเราคงยังไม่อยากคิดอะไร ที่จริงบ้านเราหน้าเลียนแบบวัฒนธรรมนี้บ้าง คือเรียนรู้ความยากลำบากว่ากว่าจะได้อะไรมา แล้วมันจะทำให้เราเห็นคุณค่าของสิ่งที่ได้มา ต้องยอมรับวัฒนธรรมบ้านเขาสอนมาดีจริง ๆ หากรัฐบาลบ้านเราสนับสนุนเลี้ยงดูชีวิตสัปดาห์ละ 500 บาทต่อคนก็อาจจะเป็นได้ อย่างน้อยที่สุดถ้าเด็กไทยกินข้าวใช้จ่าย วันละแบบประหยัดเลย 100 บาท คุณต้องหาตังค์เพิ่มด้วยตัวเองอีก 2 วัน ก็ยังดีมันก็อาจจะมีส่วนช่วยให้เขารู้จักการวางแผนชีวิตมากขึ้นในยามที่ไม่มีใครและต้องเดินด้วยตัวเอง ผู้เขียนเองตอนที่อายุ 18 ก็เคยลำบาก ไปเป็นเด็กแบกลังเป็บซี่ ขนลังเป็บซี่กับเพื่อน ๆ ที่สนิทกัน 4 คน ในงานกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ มีกันแค่นี้แต่ขนลังเป็บซี่ขึ้นบนอัฒจรรย์เชียร์กีฬารอบงาน ซึ่งจริง ๆ มันต้องมีทีมงานซักยี่สิบคน แต่เราลุยกัน 4 คนรอบงาน สิ่งได้รับก็คือพวกเราผลัดสีผิวเป็นสีดำกันทุกคน กล้ามแขนขึ้นกันทุกคน เพราะตอนนั้นเราไม่รู้ว่าทำไมต้องไปทำ มีคนชวนไปแล้วได้ตังค์มันก็เลยไม่คิดอะไร เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่รู้จักกับคำว่าการหาตังค์ใช้ด้วยตัวเองมันเป็นยังไง พอมองระบบที่เทียบกับฝรั่งแล้วทำให้เราคิดว่าเราน่าจะเอาบางสิ่งมาใช้ลองปรับให้เข้ากับสังคมไทยดูบ้าง ไม่ใช่นั่งเอาอกเอาใจเด็ก อยากได้อะไรเดี๋ยวพ่อซื้อให้ จะเอาอะไรเดี๋ยวแม่ซื้อให้ เด็กบ้านเราก็จะไม่เห็นคุณค่าในอะไรเลยเพราะสิ่งที่ได้มามันง่ายและสำเร็จรูปทุกอย่าง
สุภาษิต “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” น่าจะมีอยู่ในยุคนี้บ้าง ถ้าหากสังคมเราไม่กล้าตีลูก เพราะต้องการสอนแบบด้วยเหตุผล อย่างน้อย ๆ เราน่าจะสอนเขาให้ 18+ ต้อง get out ไสหัวไปซะ แล้วเขาจะคิดเป็น แต่ผมว่ามันก็เสี่ยง ถ้าลูกคุณคิดเป็น คุณจะได้ลูกที่ประเสริฐคนนึงเลย แต่ถ้าเกิดกลับกันเขาคิดไม่เป็น เขาจะคิดว่าที่ชีวิตเขามีปัญหาเป็นเพราะคุณไม่เข้าใจเขา บางทีผมว่าเราต้องค่อย ๆ สอนวิธีคิด ถ้าหากปล่อยแบบเด็กฝรั่ง ผมว่าบ้านเราประสบความสำเร็จแค่ครึ่งเดียวที่คิดได้ อีกครึ่งเละตุ้มเป๊ะ อันดับแรกที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ได้คือการมีเวลาให้กันและกันในครอบครัว หากคุณไม่มีเวลาให้ลูกคุณเพราะคุณมีหน้าที่หาเงินอย่างเดียว โอกาสที่เขาจะคิดได้ก็คงเป็นไปได้ยาก ถ้าหากบทความผมพอจะมีประโยชน์อยู่บ้างก็ลองหันมาใส่ใจให้เวลากับครอบครัวกันเถอะคร๊า..บ thank you ขอบคุณที่ติดตามนะค๊า..บ ค่ำคืนนี้ ราตรีสวัสดิ์ค๊า..บ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น