กาแฟ

กาแฟ
รับสอนชงกาแฟ

วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555

get out ออกไปซะ (บทความเก่า ก่อนยุค 3G )

เรื่องเล่าก่อนเข้านอน

เรื่องเล่าก่อนเข้านอนวันนี้ ขอเสนอเรื่อง  get  out  ออกไปซะ  อีกหนึ่งวัฒนธรรมของอังกฤษที่ทำให้เด็กฝรั่ง  ฉลาด   และเข้มแข็ง  เมื่อถึงตอนที่ลูกมีอายุครบ   18   ปี  ชาวอังกฤษจะสอนให้ลูก ๆ get  out  ออกจากบ้านไปซะ  ไปใช้ชีวิตไปทำมาหากินไปหาหนทางส่งเสียตัวเองเรียน  ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของชาวอังกฤษที่   ปลูกฝังให้เด็กบ้านเขาเติบโตด้วยตัวเอง  หากรบกวนเงินพ่อแม่  ต้องถือเป็นการขอยืมเงินใช้ซึ่งต้องส่งคืนทั้งต้นทั้งดอก  แต่ประเทศอังกฤษจะมีเงินเลี้ยงดูให้ใช้อาทิตย์ละ 40 ปอนด์  ประทังชีวิต  แต่ราคาอาหารก็ตกอยู่ที่มื้อละ 3-5 ปอนด์  ใช้อย่างประหยัดก็ตกวันละ 10 ปอนด์  ช่วยประทังชีวิตได้เพียง 4 วัน  อย่างน้อยก็ต้องหาตังค์มาใช้ชีวิตตัวเองให้ได้อีก  3  วันที่เหลือ  ดังนั้นคนอังกฤษต้องถีบตัวเองสูง  ต้องสร้างชีวิตให้ได้  เขาจะฝึกให้เด็กของเขาหาทำงานเอง  และสร้างธุรกิจด้วยตัวเอง  หรือหาแนวทางชีวิตของตัวเอง  ผมได้อ่านมาจากหนังสือเล่มหนึ่งเลยรู้สึกทึ่งและอดเปรียบเทียบกับเด็กบ้านเราไม่ได้

        
เรื่องเล่าก่อนเข้านอน
   get  out  ออกไปซะ   ถ้าที่บ้านคุณมีใครมาพูดกับคุณแบบนี้  ตอนอายุสิบแปดคุณจะคิดกันยังไง  ถ้าเป็นเด็กไทยคนต้องร้องเพลง  18  ฝน  ของพี่เสือ  ธนพล  เราคงคิดว่าพวกเราเป็นเด็กมีปัญหา  มีปมด้อยพ่อแม่ไม่สนใจเรา  แล้วเราก็จะเอาตัวเอาชีวิตมาอยู่กับเพื่อนฝูง  ถ้าเป็นสมัยนี้คงจับกลุ่มซิ่งมอเตอร์ไซด์  เพราะเด็กบ้านเราคงยังไม่อยากคิดอะไร  ที่จริงบ้านเราหน้าเลียนแบบวัฒนธรรมนี้บ้าง  คือเรียนรู้ความยากลำบากว่ากว่าจะได้อะไรมา  แล้วมันจะทำให้เราเห็นคุณค่าของสิ่งที่ได้มา  ต้องยอมรับวัฒนธรรมบ้านเขาสอนมาดีจริง ๆ หากรัฐบาลบ้านเราสนับสนุนเลี้ยงดูชีวิตสัปดาห์ละ 500  บาทต่อคนก็อาจจะเป็นได้  อย่างน้อยที่สุดถ้าเด็กไทยกินข้าวใช้จ่าย  วันละแบบประหยัดเลย 100 บาท  คุณต้องหาตังค์เพิ่มด้วยตัวเองอีก 2 วัน  ก็ยังดีมันก็อาจจะมีส่วนช่วยให้เขารู้จักการวางแผนชีวิตมากขึ้นในยามที่ไม่มีใครและต้องเดินด้วยตัวเอง  ผู้เขียนเองตอนที่อายุ 18 ก็เคยลำบาก  ไปเป็นเด็กแบกลังเป็บซี่  ขนลังเป็บซี่กับเพื่อน ๆ ที่สนิทกัน 4 คน  ในงานกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ  มีกันแค่นี้แต่ขนลังเป็บซี่ขึ้นบนอัฒจรรย์เชียร์กีฬารอบงาน  ซึ่งจริง ๆ มันต้องมีทีมงานซักยี่สิบคน  แต่เราลุยกัน 4 คนรอบงาน  สิ่งได้รับก็คือพวกเราผลัดสีผิวเป็นสีดำกันทุกคน  กล้ามแขนขึ้นกันทุกคน  เพราะตอนนั้นเราไม่รู้ว่าทำไมต้องไปทำ  มีคนชวนไปแล้วได้ตังค์มันก็เลยไม่คิดอะไร  เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่รู้จักกับคำว่าการหาตังค์ใช้ด้วยตัวเองมันเป็นยังไง  พอมองระบบที่เทียบกับฝรั่งแล้วทำให้เราคิดว่าเราน่าจะเอาบางสิ่งมาใช้ลองปรับให้เข้ากับสังคมไทยดูบ้าง  ไม่ใช่นั่งเอาอกเอาใจเด็ก  อยากได้อะไรเดี๋ยวพ่อซื้อให้  จะเอาอะไรเดี๋ยวแม่ซื้อให้  เด็กบ้านเราก็จะไม่เห็นคุณค่าในอะไรเลยเพราะสิ่งที่ได้มามันง่ายและสำเร็จรูปทุกอย่าง

           
เรื่องเล่าก่อนเข้านอน
สุภาษิต  “รักวัวให้ผูก   รักลูกให้ตี”   น่าจะมีอยู่ในยุคนี้บ้าง   ถ้าหากสังคมเราไม่กล้าตีลูก  เพราะต้องการสอนแบบด้วยเหตุผล  อย่างน้อย ๆ เราน่าจะสอนเขาให้  18+  ต้อง  get  out  ไสหัวไปซะ  แล้วเขาจะคิดเป็น  แต่ผมว่ามันก็เสี่ยง  ถ้าลูกคุณคิดเป็น  คุณจะได้ลูกที่ประเสริฐคนนึงเลย  แต่ถ้าเกิดกลับกันเขาคิดไม่เป็น  เขาจะคิดว่าที่ชีวิตเขามีปัญหาเป็นเพราะคุณไม่เข้าใจเขา  บางทีผมว่าเราต้องค่อย ๆ สอนวิธีคิด  ถ้าหากปล่อยแบบเด็กฝรั่ง  ผมว่าบ้านเราประสบความสำเร็จแค่ครึ่งเดียวที่คิดได้  อีกครึ่งเละตุ้มเป๊ะ  อันดับแรกที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ได้คือการมีเวลาให้กันและกันในครอบครัว  หากคุณไม่มีเวลาให้ลูกคุณเพราะคุณมีหน้าที่หาเงินอย่างเดียว  โอกาสที่เขาจะคิดได้ก็คงเป็นไปได้ยาก  ถ้าหากบทความผมพอจะมีประโยชน์อยู่บ้างก็ลองหันมาใส่ใจให้เวลากับครอบครัวกันเถอะคร๊า..บ    thank  you  ขอบคุณที่ติดตามนะค๊า..บ   ค่ำคืนนี้   ราตรีสวัสดิ์ค๊า..บ


สนับสนุนโดย  

มอเตอร์ไซค์



เรื่องเล่าก่อนเข้านอน














ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น