พวกเราจะมีเพื่อนสนิทกันหลายคนมากแต่ว่าแยกย้ายกันไปประกอบอาชีพอื่น มีเค ที่ชื่อจริงของเขาแปลก คือ กมลชนก และเหมียวเพื่อนผมอีกคน แต่เป็นผู้ชาย ผมกับเหมียวเอาข้าวกล่องไปกินตั้งแต่อนุบาลจนเรียนจบ ป.6 มีผมกับมันอยู่แค่สองคน คนอื่นทำไม่ได้เพราะอาจจะกลัวอายเพื่อน สมัยนั้นเวลาพวกผมไม่มีตังค์กินหนมกันก็จะไปเดินตามใต้ถุนบ้านที่อยู่ริมคลองตอนที่น้ำมันแห้ง แล้วก็เอากระป๋องตักน้ำสาดโคลนหาเหรียญกัน บ้านผมกับบ้านลุงของเคนี่เก็บได้หลายเหรียญเพราะเด็ก ๆ ในยุคนั้นจะชอบมาสาดน้ำหาตังค์กันเพราะบ้านเราทำมาค้าขาย และเป็นร้านงานซ่อม ตอนนั้นผมเจอเหรียญรู หรือเงินรูคือดีใจมากเพราะมันเป็นของเก่า แต่ยุคผมเกิดเขาเลิกใช้กันแล้ว
ส่วนมากก็จะเจอเป็นเหรียญ 1 สตางค์ เป็นลายไทยมีรูตรงกลางสวยมาก ๆ และแฟชั่นสมัยนั้นก็จะนิยมเอาเหรียญรูไปคล้องกับสายหนังเส้นเล็กๆ ห้อยคอ พอเราได้เหรียญพวกนี้มาก็จะเอาเป็บซี่เทให้เหรียญมันขาวจั๊วน่าเจี๊ย 5555 ผมไม่คิดว่าปัจจุบันสมัยนี้แม่งจะหาดูโคตรยากเลย โชคดีจิง ๆ ที่เกิดเป็นคนสามยุค อย่างน้อย ๆ ก็ยังทันโบราณกาลนิด ๆ และสมัยผมเอง และเจนเนอเรชั่นใหม่ ตอนสมัยเด็ก ๆ บ้านอยู่ริมคลองนี่มีความสุขจิง ๆ จะกินอะไรก็มีนู่นนี่นั่นพายเรือผ่านมาให้เลือกกิน ก๋วยเตี๋ยวชามละ 5-6 บาท แต่ถ้าสมัยพ่อแม่ 2 บาท ตากับยาย 2 สลึง ตามยุค ปัจจุบันเฉลี่ย 20 บาท มันต่างกันโคตร ๆ เลยคับ ก๋วยเตี๋ยวเรือกับชามตราไก่เอกลักษณ์มากเรยในยุคผม อีกสิ่งที่ผมชอบตอนหัวค่ำก่อนดูหนังกับครอบครัว ผมยังจำเรือข้าวโพดคั่วได้ดีกับเสียงหวูด แร้วก็เสียงคั่ว เป๊าแป๊ะ ๆ ในเรือ ดูละครไปกับครอบครัวพร้อมข้าวโพดคั่วโคตรได้อารมณ์ของคนริมน้ำเลย เป็นสิ่งที่ขายดีมากกวักมือเรียกกันเกือบทุกบ้าน ผมรู้ว่าที่ผมเขียนมามันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเงินรูเรย แต่ผมคิดถึงเงินรูเรยมีไอเดียเขียนเรื่องราวเท่านั้นเอง มาติดตามกันต่อกับเรื่องเล่าก่อนเข้านอนอีกนะครับ.....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น